เวย์น รูนี่ย์ และ แดนนี่ เมอร์ฟี่ อดีตนักเตะชื่อดัง ได้วิจารณ์การตัดสินใจของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ผู้จัดการทีมเชลซีว่า ‘แปลกประหลาด’ และ ‘ในเชิงลบ’ หลังจากที่ เชลซี พ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
เชลซีต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่ในนาทีที่ 5 เมื่อ โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูโดนใบแดงไล่ออกจากการทำฟาวล์ผู้เล่นตัวสุดท้ายอย่าง ไบรอัน เอ็มเบอูโม มาเรสก้าจึงต้องปรับเปลี่ยนทีมทันทีด้วยการส่ง ฟิลิป ยอร์เกนเซน ผู้รักษาประตูสำรองลงมาแทน เอสเตเวา และเปลี่ยน โตซิน อดาราบิโอโย ลงมาแทน เปโดร เนโต้
แต่เพียง 14 นาทีต่อมา มาเรสก้าก็ต้องเปลี่ยนตัวอีกครั้ง เมื่อ โคล พาลเมอร์ ได้รับบาดเจ็บที่ขาหนีบจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำ 2-0 ในครึ่งแรกจากประตูของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ กาเซมิโร่ ก่อนที่กาเซมิโร่จะมาโดนใบเหลืองที่สองทำให้ทั้งสองทีมเหลือผู้เล่น 10 คนเท่ากันในครึ่งหลัง
แม้เชลซีจะเล่นได้ดีขึ้นในครึ่งหลังและ เทรโวห์ ชาโลบาห์ จะยิงประตูตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 80 แต่ลูกทีมของมาเรสก้าก็ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้
“ผมคิดว่าการส่งกองหลังตัวพิเศษลงมาและถอดผู้เล่นเกมรุกออกเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ไม่กี่นาทีต่อมา พาลเมอร์ก็ถูกเปลี่ยนออกในขณะที่พวกเขากำลังตามหลัง 1-0” เมอร์ฟี่กล่าวในรายการ Match of the Day ของ BBC “เรารู้สึกว่าการเปลี่ยนตัวเนโต้และโคล พาลเมอร์ เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างในเชิงลบ แม้เราจะเชื่อว่าพาลเมอร์มีปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่เขาอาจจะเปลี่ยนตัวตั้งแต่แรกและเก็บเนโต้ไว้ก็ได้” เมอร์ฟี่กล่าว
รูนี่ย์เองก็เชื่อว่าเชลซีขาดความ ‘กระตือรือร้น’ แม้ว่าแมนยูจะเหลือผู้เล่น 10 คนแล้วก็ตาม “ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เชลซีขาดหายไปคือจินตนาการในการเล่น” รูนี่ย์กล่าว “พวกเขาครองบอลได้เยอะในครึ่งหลัง แต่พวกเขาก็ขาดความคิดสร้างสรรค์ที่เนโต้หรือโคล พาลเมอร์ สามารถนำมาสู่ทีมได้”
“ผมคิดว่าการเปลี่ยนตัวนั้นแปลกประหลาด แต่ก็ต้องขอบคุณที่มันช่วยแมนยู” “มันเป็นเกมที่แปลกมาก ผมรู้สึกว่าเมื่อเหลือผู้เล่น 10 คนเท่ากัน เชลซีไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นในการกลับมาสู่เกมเลย”










