เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยืนยันว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่นของพวกเขา และยังคงย้ำว่า อาร์เซนอล “เล่นได้ดีกว่า” ในเกมที่เสมอกัน 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ซิตี้ถูกวิจารณ์ว่า “จอดรถบัส” ในเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดียม เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากพวกเขามีสถิติครองบอลเพียง 32.8% ซึ่งเป็นสถิติการครองบอลที่ต่ำที่สุดของทีมที่คุมโดยกวาร์ดิโอล่าในการแข่งขันลีกสูงสุด
แต่กวาร์ดิโอล่ายืนยันว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนแนวทางการเล่นของซิตี้โดยสิ้นเชิง และเชื่อว่าอาร์เซนอลสมควรได้รับคำชมมากกว่าที่สามารถกดดันทีมของเขาได้
“ผมพูดหลายครั้งแล้ว และพูดแบบติดตลกนะ เพราะความจริงที่ว่าทุกครั้งที่เราชนะพรีเมียร์ลีก เรามักจะถูกเรียกว่าเป็นทีมที่น่าเบื่อใช่ไหม? นั่นเป็นเหตุผลที่ผมบอกว่า ‘โอเค ฤดูกาลนี้ผมจะใช้การโต้กลับมากขึ้น'” กวาร์ดิโอล่ากล่าว
“ในอนาคต นักเตะอาจเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุดที่จะพูดถึงว่าผมเปลี่ยนแนวทางจริงๆ หรือไม่ เพราะพวกเขาอยู่ในทุกการประชุม ทุกเกม และทุกหลังเกม คุณสามารถไปถามพวกเขาได้เลย”
“ผมคิดว่ามันเป็นแนวทางเดิมโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เปลี่ยนไปคือคู่ต่อสู้เล่นในแนวทางที่แตกต่างออกไป เราไม่สามารถทำได้ดีกว่า ผมพูดหลังเกมว่า อาร์เซนอลดีกว่า“
กวาร์ดิโอล่ายอมรับว่าเขาไม่ชอบวิธีที่ทีมเล่นในเกมกับอาร์เซนอล แต่ชี้ให้เห็นว่าบางครั้งคู่ต่อสู้ก็สร้างความท้าทายที่ทีมไม่สามารถรับมือได้ และนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเปลี่ยนหลักการของตัวเอง
เขาใช้ตัวอย่างจากหลักการที่เรียนรู้จาก โยฮัน ครัฟฟ์ ที่เน้นการจ่ายบอลยาวขึ้นหน้าเมื่อกองกลางตัวรับถูกประกบติด “ถ้าคุณอยากเล่นตัวต่อตัวกับ เออร์ลิ่ง [ฮาลันด์] ก็เล่นตัวต่อตัวไปเลย ถ้าคุณแพ้ในการดวลครั้งนั้น นั่นก็อาจจะเป็นประตูได้ เราต้องดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“บางครั้งคู่ต่อสู้ก็เล่นได้ดี และสร้างความท้าทายที่เราไม่สามารถจัดการได้ แต่ตั้งแต่ที่ผมเลิกคุมสโมสรนี้ไป หรือตอนที่ผมเกษียณไปแล้ว ผมก็ยังอยากจะเล่นในแบบที่ผมต้องการ บางครั้งเราทำไม่ได้ บางครั้งเราไม่ดีพอ บางครั้งคู่ต่อสู้ดีกว่า แต่สำหรับแค่เกมเดียว แล้วบอกว่าทีมกำลังจะเปลี่ยนไป…”
“ใช่ ผมต้องการเล่นเกมเปลี่ยนจากรับเป็นรุก (Transition) เมื่อเราตั้งรับลึก ผมมักจะบอกเสมอว่า ‘เมื่อเราตั้งรับลึกเพราะพวกเขาดีกว่าหรือเราห่วยแตก คุณก็วิ่ง โต้กลับไปได้เลย’ แต่นั่นเป็นเพราะเราถูกบีบให้ต้องอยู่ตรงนั้น”
“แต่ในหลักการแล้ว ผมชอบที่จะชิงบอลกลับมาในแดนคู่แข่ง และครองบอลให้มากเพื่อทำลายโครงสร้างคู่ต่อสู้ และพยายามลงโทษพวกเขา”
“ผมเป็นแบบนั้นมาตลอด และจะเป็นแบบนั้นเสมอ หากมันไม่เกิดขึ้น ผมบอกคุณได้เลยว่า เป็นเพราะเราเล่นได้ไม่ดี ไม่ใช่เพราะเราต้องการจะเล่นแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมจะบอก”







