เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีมลิเวอร์พูล ยกย่องการทำงานของสโมสรในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมา ว่าเป็นการเสริมทัพที่ “ยอดเยี่ยม” แม้จะใช้เงินมหาศาลกว่า 415 ล้านปอนด์ และปล่อยนักเตะออกไป 10 ราย ทำให้มียอดใช้จ่ายสุทธิถึง 228 ล้านปอนด์
ทีมหงส์แดงเสริมผู้เล่นระดับซีเนียร์ 9 คน รวมถึง อเล็กซานเดอร์ อิซัค, ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และ ฮูโก้ เอกิติเก ขณะที่แข้งสำคัญอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, หลุยส์ ดิอาซ และ ดาร์วิน นูนเญซ ต่างย้ายออกไป ฟาน ไดจ์คชี้ว่าการเสริมทัพครั้งนี้ไม่ใช่การ “เพิ่ม” แต่เป็นการ “แทนที่” คุณภาพที่เสียไป และต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้ลงตัว
กัปตันหงส์แดงวัย 34 ปี กล่าวว่า “สโมสรทำได้ยอดเยี่ยมในการหาผู้เล่นใหม่เข้ามา แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่การเสริมทีมเพราะเราสูญเสียคุณภาพที่สำคัญไปมาก เราต้องหาตัวแทนที่มีคุณภาพ ซึ่งไม่ง่ายเลยในตลาดทุกวันนี้ แต่สโมสรก็ทำได้ดีมาก ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องสร้างทีมที่แข็งแกร่งเพื่อแข่งขันในทุกถ้วย”
ฟาน ไดจ์คยังย้ำถึงความยากในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก พร้อมยกตัวอย่างว่า ลิเวอร์พูลไม่สามารถทำได้หลังคว้าแชมป์ในปี 2020 ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ทำได้สำเร็จหลายครั้ง
นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำถึง “วัฒนธรรมสโมสร” ที่ต้องคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง โดยระบุว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือวัฒนธรรมของสโมสร มันคือคุณค่าที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ คล็อปป์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ปลูกฝังค่านิยมที่ผมพยายามสืบสานต่อ และสิ่งนี้แหละคือกุญแจแห่งความสำเร็จของลิเวอร์พูล”
เขาทิ้งท้ายว่า เป้าหมายของนักเตะและสโมสรคือการคงความยิ่งใหญ่ในฐานะสโมสรที่ดีที่สุดในอังกฤษ พร้อมยอมรับว่าการรักษาตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นเป็นความท้าทายที่ยากที่สุด







