พรีเมียร์ลีกยืนยันว่าเกมระหว่างเวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ เบรนท์ฟอร์ด ในคืนวันจันทร์ ได้เริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automated Offside Technology – SAOT) ตามปกติ
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดจากปัญหาระบบ Amazon Web Services (AWS) ล่มทั่วโลก เมื่อวันจันทร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทกว่า 1,000 แห่งและผู้คนหลายล้านคน
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของ VAR
- สาเหตุ: ปัญหาการหยุดชะงักของบริการ AWS ทั่วโลก ซึ่งเป็นระบบคลาวด์ที่บริษัท Genius Sports (ผู้พัฒนาระบบ SAOT ร่วมกับลีก) ได้ย้ายโครงสร้างพื้นฐานมาใช้
- ผลกระทบ: SAOT จึงไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน
- การแก้ไข: VAR กลับไปใช้เส้นล้ำหน้าเสมือนจริง (Virtual Offside Lines) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในฤดูกาลก่อนหน้าเพื่อตัดสินการล้ำหน้า
- การอัปเดต: มีการยืนยันเมื่อเริ่มครึ่งหลังว่า ระบบ SAOT กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว จึงมีการนำกลับมาใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เทคโนโลยีล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติ (SAOT) คืออะไร?
SAOT เป็นเครื่องมือสนับสนุนที่ช่วยให้กระบวนการตัดสินใจล้ำหน้าสำหรับ VAR มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น:
- การทำงาน: ใช้เทคโนโลยีการติดตามผู้เล่นด้วยแสง (Optical Player Tracking) จากกล้องที่ติดตั้งรอบสนาม เพื่อระบุตำแหน่งที่แน่นอนของผู้เล่นและลูกบอล
- จุดเด่น: สามารถสร้างเส้นล้ำหน้าเสมือนจริง ได้อย่างรวดเร็ว สม่ำเสมอ และแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยลดระยะเวลาในการตัดสินใจในกรณีที่ลูกล้ำหน้าเฉียดฉิว (โดยเฉลี่ยคาดว่าจะเร็วกว่าเดิมประมาณ 30 วินาที)
- กราฟิก: SAOT ยังสร้างภาพกราฟิกเสมือนจริงแบบ 3 มิติ ที่แสดงบนจอในสนามและในการถ่ายทอดสด ซึ่งช่วยให้แฟนบอลเข้าใจการตัดสินใจได้ชัดเจนขึ้น
- การนำมาใช้: เทคโนโลยีนี้เริ่มใช้ในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา รวมถึงถูกนำไปใช้ในฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก, ลาลีกา และเซเรีย อา มาก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่า SAOT จะทำให้กระบวนการรวดเร็วขึ้นมาก แต่ทางลีกยืนยันว่ามันไม่ได้ส่งผลต่อความแม่นยำของการตัดสินใจ ซึ่ง VAR ยังคงเป็นผู้ทำการตัดสินใจสุดท้าย โดยอ้างอิงข้อมูลที่ได้จากระบบนี้







