หลังจากที่สโมสรเซลติกยืนยันการลาออกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จากตำแหน่งผู้จัดการทีมโดยมีผลทันที เนื่องจากการเริ่มต้นฤดูกาล สก็อตติช พรีเมียร์ลีก ที่ไม่น่าประทับใจ ทำให้ทีมตามหลังจ่าฝูงฮาร์ทส์ถึง 8 คะแนน อัตราต่อรองสำหรับผู้จัดการทีมถาวรคนใหม่ก็ได้ออกมาอย่างรวดเร็ว
ตัวเต็งในตลาดการเดิมพัน
ผู้จัดการทีมคนก่อนหน้าของเซลติกที่เพิ่งว่างงานได้ไม่นาน ได้กลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ของบรรดารับพนัน โดยมีรายชื่อผู้ที่มีโอกาสเข้ารับตำแหน่งดังนี้:
| ผู้จัดการทีม | อัตราต่อรองโดยประมาณ (ค่าเฉลี่ย) |
| อังเก ปอสเตคูกลู (Ange Postecoglou) | 7/4 – 15/8 (เต็ง 1) |
| เคียแรน แม็คเคนน่า (Kieran McKenna) | 2/1 – 7/2 |
| วิลฟรีด แนนซี่ (Wilfried Nancy) | 4/1 – 14/1 |
| มาร์ติน โอนีล (Martin O’Neill) (ชั่วคราว) | 5/2 – 9/1 |
| ฌอน มาโลนีย์ (Shaun Maloney) (ชั่วคราว/อดีตผู้เล่น) | 7/1 – 13/2 |
| ร็อบบี้ คีน (Robbie Keane) (อดีตผู้เล่น) | 8/1 – 14/1 |
| รุด ฟาน นิสเตลรอย (Ruud van Nistelrooy) | 11/1 – 25/1 |
| โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ (Ole Gunnar Solskjaer) | 14/1 – 16/1 |
ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวเต็ง
- อังเก ปอสเตคูกลู: อดีตผู้จัดการทีมเซลติกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยคว้า 5 ถ้วยรางวัล รวมถึงแชมป์ลีก 2 สมัยติดต่อกัน ก่อนจะออกจากทีมไปคุมท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และเพิ่งถูกปลดออกจากน็อตติงแฮม ฟอเรสต์
- เคียแรน แม็คเคนน่า: ผู้จัดการทีมหนุ่มที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ซึ่งสร้างชื่อจากการพาอิปสวิช ทาวน์ เลื่อนชั้นจากลีกวันสู่พรีเมียร์ลีก ก่อนจะตกชั้นในเวลาต่อมา
- วิลฟรีด แนนซี่: ปัจจุบันเป็นหัวหน้าโค้ชของสโมสรโคลัมบัส ครูว์ ใน MLS ซึ่งเป็นชื่อที่ค่อนข้างใหม่สำหรับวงการฟุตบอลสกอตแลนด์
- มาร์ติน โอนีล: อดีตผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ของเซลติก ได้เข้ามารับตำแหน่งชั่วคราวร่วมกับ ฌอน มาโลนีย์ การกลับมาของโอนีลในวัย 73 ปี ถูกมองว่าเป็นทางเลือกเพื่อประคองทีมในระยะสั้น แต่มีอัตราต่อรองสำหรับตำแหน่งถาวรตามมาด้วย
บทสรุปการจากไปของร็อดเจอร์ส
การลาออกของร็อดเจอร์สสิ้นสุดช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเขาทิ้งสถิติการคว้าแชมป์ สก็อตติช พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, สก็อตติช คัพ 3 สมัย และ สก็อตติช ลีก คัพ 4 สมัย ตลอดสองช่วงเวลาที่คุมทีมในกลาสโกว์
อย่างไรก็ตาม ข้อความจาก เดอร์มอต เดสมอนด์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเซลติก ได้สื่อถึงภาพความขัดแย้งที่รุนแรงกว่าเบื้องหลัง โดยมีการวิจารณ์พฤติกรรมของร็อดเจอร์สในช่วงหลายเดือนก่อนการจากไปว่า “สร้างความแตกแยก, ทำให้เข้าใจผิด, และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน”







